วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ม.เกษตร วิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวเคมี


มาเรียนที่เกษตร ไม่ได้มาปลูกผักอย่างเดียวนะจ๊ะ


มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

(Kasetsart University)คณะวิศวกรรมศาสตร์




สวัสดีเพื่อนทุกคนนะครัช แนะนำตัวกันก่อนสำหรับคนที่ไม่รู้จักเรานะ เราชื่อ ฟาร์ วันนี้เรามาทำอะไรอ่ะ อ๋อ! วันนี้เราจะมาแนะนำมหาวิทยาลัยแล้วก็คณะที่เราอยากจะเข้านะ ดูหัวข้อเรื่องก็น่าจะรู้กันแล้วว่าเราอยากเข้าศึกษาที่มหาลัยอะไรเหตุผลสั้นๆของเราเลยก็คือ เรารู้จักมหาลัยนี้ตั้งแต่เด็กและเป็นมหาลัยเดียวที่รู้จัก(ในตอนเด็กนะ^^)เพราะใกล้บ้านเลยคิดอยากเข้าศึกษาตั้งแต่ตอนนั้นเลย และปัจจุบันก็ยังอยากเข้าอยู่ส่วนคณะที่เราอยากจะเรียนก็คือคณะวิศวกรรมศาสตร์  ภาควิชาวิศวกรรมเคมี ถามเองตอบเอง ทำไมถึงอยากเรียนคณะนี้ภาควิชานี้ เพราะว่า เราเป็นคนชอบวิชาเกี่ยวกับคำนวณพวก คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี แต่พวกที่ใช้ความจำเราแย่มาๆก็เช่น ชีวะ ภาษาไทย อะไรประมาณนี้ก็เลยเลือกสิ่งที่คิดว่าตัวเองเรียนแล้วมีความสุขกับวิชาที่เราถนัด ก็เลยตัดสินใจตั้งแต่ ม.3 เลยว่าอยากเรียนคณะวิศวะกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี เพราะเหมาะกับผู้หญิงบอบบางแบบเราดี


การเดินทางมามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

จาก ท่าอากาศยานดอนเมือง ถึง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน  เดินทางโดย
          1. รถขนส่งสาธารณะ ขึ้นจากหน้า ท่าอากาศยานดอนเมือง
                    สาย 29 
(รังสิต หัวลำโพง)
                    สาย 59 (รังสิต สนามหลวง)
                    สาย 187 (หมู่บ้านเอื้ออาทรคลอง 3 - ท่าน้ำสี่พระยา)
                    สาย 510 (ม.ธรรมศาสตร์รังสิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ)
                    สาย 538 (รพ.สงฆ์ - ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี)
                    สาย 555 (รังสิต - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)
          2. รถยนต์  จาก ท่าอากาศยานดอนเมือง  ผ่านถนนหมายเลข 31 และทางคู่ขนานถนนวิภาวดีรังสิต ถึง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


จาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถึง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เดินทางโดย
         1. รถขนส่งสาธารณะ ขึ้นจากหน้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สาย 555 (รังสิต - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)
          2. รถยนต์ จาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  มุ่งหน้าทางตะวันตก ไปตามถนนสุวรรณภูมิ 2 เข้าสู่สุวรรณภูมิ 5 ใช้ทางลาดไปยัง บางปะอิน/ถนนกาญจนาภิเษก/กรุงเทพ/พระราม 9  ตัดเข้าไปยัง กรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่/ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ต่อทางด่วนขั้นที่ 2 ใช้ทางออกเข้าสู่ ดินแดง ตัดเข้าไปยัง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ไปตามถนนหมายเลข 31 เข้าทางคู่ขนานถนนวิภาวดีรังสิต ถึง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
          3. รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ขึ้นจาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น B1
         ขึ้น รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ มาลงที่ สถานีพญาไท แล้วต่อ รถไฟฟ้า BTS มาลง สถานี
          -หมอชิต จากนั้น เดินทางด้วย รถขนส่งสาธารณะ
              สาย 24 (ประชานิเวศน์ 3 – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ)
       สาย 26 (มีนบุรี - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ)
       สาย 29 (รังสิต หัวลำโพง)
       สาย 39 (ม.ธรรมศาสตร์รังสิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ)
              สาย 59 (รังสิต สนามหลวง)
       สาย 104 (ปากเกร็ด - หมอชิต 2)
              สาย 510 (ม.ธรรมศาสตร์รังสิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ)
 หรือแท็กซี่ ถึง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


เรามาทำความรู้จักมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 
(Kasetsart University)กันดีกว่า


ประวัติโดยย่อนะคะ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรทางการเกษตรแห่งแรกของประเทศไทย โดยถือกำเนิดจากโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม เมื่อ พ.ศ. 2460 ต่อมาได้ขยาย ยกฐานะเป็นวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และพัฒนาจนกระทั่งเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฉบับแรก เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 ในระหว่าง พ.ศ. 2486 - 2504 มีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ใช้ 6 ฉบับ ฉบับที่ใช้นานที่สุดคือ พ.ศ. 2511 สำหรับพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2541 เป็นฉบับปัจจุบันได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับกฤษฎีกา เล่ม 115 ตอนที่ 15 ก เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2541
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยได้ดำเนินภารกิจเพื่อสนองนโยบายการกระจายโอกาสทางการศึกษาของรัฐบาลใน 4 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตบางเขน, วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม, วิทยาเขตศรีราชา จังหวัดชลบุรี และวิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสกลนคร และวิทยาเขตที่อยู่ระหว่างการจัดตั้งอีก 3 วิทยาเขต คือ วิทยาเขตกระบี่ วิทยาเขตลพบุรี และวิทยาเขตสุพรรณบุรี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาตามศักยภาพและความต้องการของชุมชน

ตราประจำมหาวิทยาลัย
ตราประจำมหาวิทยาลัยเป็นรูปวงกลม มีรูปพระพิรุณทรงนาคอยู่กึ่งกลาง ล้อมรอบด้วยกลีบบัวคว่ำและกลีบบัวหงายและมีข้อความว่า "มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ.๒๔๘๖" ล้อมรอบเป็นชั้นนอกสุด ตาม พ.ร.บ. เครื่องหมายราชการ พุทธศักราช 2482 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 

ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย
นนทรีทรงปลูก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปลูกต้นนนทรี จำนวน ๙ ต้น ณ บริเวณหน้าหอประชุม มก. เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๐๖ เวลา ๑๕.๓๐ น. นับเป็นวันประวัติศาสตร์ นนทรีทรงปลูกที่ชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต้องจารึกไว้ในดวงจิตอย่างไม่มีวันลืม


เราก็รู้ข้อมูลของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไปคร่าวๆแล้ว ต่อไปมาดูคะแนนที่ต้องยื่นกันดีกว่า
-สำหรับคณะวิศวะกรรมศาสตร์ รอบที่3 รับตรงร่วมกัน



วิศวกรรมเคมีเรียนอะไรบ้าง

          ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบอุปกรณ์ โรงงาน และระบบควบคุมรวมถึงกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ควบคู่กับหลักเศรษฐศาสตร์ทั้งในด้านวิศวกรรมเคมีพื้นฐาน ด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น นาโนเทคโนโลยี เป็นต้น โดยเน้นทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และมีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ และซอฟท์แวร์ตลอดทั้งหลักสูตร
- ปี1 ทุกคนต้องเรียนตามแผนการเรียนนี้เพราะเป็นข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

วิศวกรรมเคมีจบแล้วทำงานอะไร

ผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมเคมี จะเป็นผู้รอบรู้ในกระบวนการและอุปกรณ์การผลิตทางอุตสาหกรรมจึงสามารถทำงานได้อย่างกว้างขวาง ทั้งงานออกแบบและพัฒนากระบวนการผลิต งานวิเคราะห์และบริหารโครงการ    งานควบคุมกระบวนการผลิต งานขายและงานบริการทางเทคนิค และงานวิจัยและพัฒนา เช่น ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม และปิโตรเคมี อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์/กระดาษ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

-http://www.eng.ku.ac.th
-http://www.ku.ac.th



















เสต็กหมูที่อร่อยสุดในซอย


เสต็กหมูสุดแซ่บ



สวัสดีครัชทุกคนนน วันนี้เรา ฟาร์ เรามีเมนูอาหารอร่อยๆมาฝากทุกคน เป็นเมนูที่เราทำทานบ่อยมากและก็ชอบมากด้วยเพราะเราทำอร่อยยังไงหล่ะ เบ้ยย นั่นก็คือ เสต็กหมูสุดแซ่บบบ ที่เสิร์ฟเนื้อหมูอร่อยๆทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บซ่าถึงหัวใจอย่ารอช้าเราไปดูขั้นตอนการทำกันเลยดีกว่า
สำหรับการทำเมนูนี้เราขอแบ่งย่อยเป็น 3 ย่อยๆนะคะ จะได้ง่ายต่อการอธิบาย
-ขั้นแรกการตีหมู ก็คือการหมักหมูนั่นเองมันเหมือนกันเติมแต่งรสชาติของมัน ถ้าหมักดีหมูรสมันก็ดี ถ้าหมักไม่ดีก็ต้องทนกินไปนะคะ ล้อเล่นค่ะทำตามเรารับรองอร่อยชัวร์
-ขั้นที่สองการขยี้จิ้ม ก็คือการทำน้ำจิ้ม วันนี้เราอยากทานอะไรแซ่บๆก็เลยเลือกเป็นซีฟู้ดนะคะ
-ขั้นที่สามการยันหมู ก็คือการยันน้องหมูที่เราหมักหมูไว้ลงเครื่องอบลมร้อนนั่นเอง

สำหรับของที่ต้องเตรียมทั้งหมดก็จะมี
ขั้นแรกการตีหมู (หมักหมู)
            1.หมู(เราใช้เป็นสันคอค่ะ)
2.ซอสหอยนางลม
3.ซอสปรุงรส
4.รสดี
5.กระเทียม
6.พริกไทย



ขั้นที่สองการขยี้จิ้ม (น้ำจิ้มซีฟู้ด)
1.ครก
2.มะนาว
3.พริก
4.กระเทียม
5.น้ำตาลปิ๊บ
6.เกลือ




ขั้นที่สามการยันหมู(อบหมู)
1.หมูที่เราหมักในขั้นแรก
2.เครื่องอบลมร้อน หรือใครสะดวกเป็นกระทะหรือเตาอบก็ได้นะคะ



วิธีการทำ

ขั้นแรกการตีหมู (หมักหมู)

เตรียมวัถุดิบ

เทซอสหอยนางลม ซอสปรุงรส  รสดี   กระเทียม   พริกไทย ใส่รวมกันแล้วก็คนให้เข้ากัน



นำหมูที่เตียมไว้มาหมักกับซอสที่ได้ ตอนหมักก็ตีๆตบๆหมูหน่อยซอสจะได้ซึมเข้าหมูเอาตีหมูๆๆ

เฮ่ย!!เสร็จแล้วขั้นแรกง่ายมากๆนำไปแช่ช่องฟิตประมาณ 30 นาที ยิ่งนานยิ่งอร่อยนะจ้ะ


ขั้นที่สองการขยี้จิ้ม (น้ำจิ้มซีฟู้ด)

มาถึงขั้นที่2กันแล้วไวมากๆ
เตรียมวัถุดิบให้พร้อม

ใส่พริกไปตำ


ใส่กระเทียมไปตำ

ก็จะประมาณนี้ถ้าตำรวมกันเรียบร้อย

ใสน้ำตาลแป๊ป เฮ่ยปิ๊บ



ขยี้ๆให้สมกับชื่อขยี้จิ้ม


ใส่มะนาวและเกลือลงไป



จากนั้นก็ขยี้ๆแล้วก็ขยี้

ได้แล้วนำจิ้มซีฟู้ดดด

เสร็จไวเหมือนโกหกแต่ไม่ได้โกหกไปที่ขั้นต่อไปกันเตอะ


ขั้นที่สามการยันหมู
ขั้นสุดท้ายแล้วของอร่อยอยู่ไม่ไกล จริงๆก็ทานได้เลยนะแต่แค่หมูไม่สุกเท่านั้นเอง บ้าบอ
หมูที่หมักไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง 

ใส่เครื่องอบลมร้อนไปเลย

ใช้ไฟ 200 องศาเซลเซียส เวลาประมาณ 15 นาที


รอฉันรอเธออยู่

ได้แบ้ววว น้องหมูน้อยย

เสิร์ฟพร้อมกับเฟรนฟราย แล้วก็ผักเวลาทานจะได้ไม่รู้สึกผิด

ไปชิมกันนน
 ให้พ่อชิม


พ่อบอกว่าไม่เคยกินอะไรอร่อยขนาดนี้มาก่อน เวอร์ไป๊



ไปแบ้วว ขอบคุณค่าาา
อย่าลืมไปทำตามกันน้าา


บทวิจารณ์สถานที่ท่องเที่ยว


บทวิจารณ์
รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว
สวัสดีครัชช วันนี้เรา ฟาร์ เราจะมาเขียนวิจารณ์เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งบทวิจารณ์ที่เราจะมาเขียนกันก็เป็นเพื่อนๆของพวกเรานั่นเอง แต่จะขอบอกเลยว่าจะเขียนจากความรู้สึกจริงๆและบทวิจารณ์ที่จะมาเขียนกันวันนี้มีทั้งหมด3เรื่องนะคะ ไปอ่านกันเลยย

1.บางเสร่ เร้ เร๊ เร๋



เชื่อว่าปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นทุกคนต้องหากิจกรรมหรือสถานที่ที่ช่วยดับร้อนดับกระหายกันอย่างแน่นอน ค่ะดิชั้นก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะช่วงซัมเมอร์เป็นช่วงที่ต้องเที่ยวอ่ะทุกคนนนน มันอยู่บ้านเฉยๆไม่ได้ กายมันร้อนใจมันร้อนโอเคค่ะวันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ใกล้ๆไม่ไกลจากกรุงเทพฯนะคะนั่นก็คือ ทะเล เป็นสถานที่ยอดฮิตติดกระสวยที่ต้องไปกันอย่างแน่นอน แต่ทะเลที่เราจะมารีวิววันนี้ คือ ทะเลหาดบางเสร่ค่ะ หาดบางเสร่ตั้งอยู่ที่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หากมาจากพัทยาเป็นชายหาดที่อยู่ถัดจากชายหาดบ้านอำเภอ แต่ถ้าหากว่าเราเริ่มเดินทางจากรุงเทพฯให้ใช้ถนนเส้นสุขุมวิท ผ่านพัทยา ถึงอำเภอสัตหีบ ผ่านสวนนงนุชไปไม่ไกล จะเจอแยกให้เลี้ยวขวาไปทางหาดบางเสร่(ซ.เทศบาล4) แล้วขับตรงไปอีก2 กิโลเมตร ก็จะเจอหาดบางเสร่ค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่  https://missgingtime.blogspot.com/2018/07/blog-post.html

บทวิจารณ์
                สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวบางเสร่ เร้ เร๊ เร๋ ได้อ่านแล้วรู้สึกสนุกมากๆอ่านเพลินๆขนาดนอนอยู่บ้านยังรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยจริงๆและรูปภาพวิวต่างๆก็ถ่ายออกมาได้สวยงาม ชัดเจน ทำให้รู้สึกปิดเทอมนี้อยากไป บางเสร่ เร้ เร๊ เร๋ บ้างแล้ว
สำหรับภาษาที่ใช้ในการเขียนรีวิว เพื่อนใช้ภาษาได้เป็นกันเองมากอ่านแล้ว สบายใจ
แต่ก็ไม่ได้กันเองจนมากเกินไปยังมีความเกรงใจกันอยู่ ส่วนตัวคิดว่าเป็นการเขียนที่ดีค่ะแต่ที่ต้องปรับก็คือตัวอักษรอาจจะเล็กไปหน่อยเราต้องใช่แว่นขยายอ่านถึงอ่านจบ(ล้อเล่นจ้า)


2.Maygori คากิโกริ (น้ำแข็งไสสไตล์เจแปน)
         คนนิจิวะ~~ เห็น‘‘ฝ้าย’’พูดภาษาญี่ปุ่นแบบนี้ก็คงต้องมีสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับญี่ปุ่นมาบอกต่อเพื่อนๆ ถ้าหากพูดถึงน้ำแข็งไสหลายๆคนก็คงจะนึงถึง บิงซู ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ แต่ว่าวันนี้ฝ้ายอยากให้เพื่อนๆมารุ้จักกับของหวานที่มีต้นกำเนิดมาจากเจแปนนั้นก็คือ”คากิโกริ” ซึ่งดูจากภายนอกก็คล้ายบิงซูแต่สิ่งที่ต่างคือเนื้อน้ำแข็งใสจะเนียนนุ่มละเอียดแต่ไม่มีรสชาติ  ฝ้ายเลยจะพาไปบุกร้าน“maygori café” ที่ตั้งอยู่ในสยามสแควร์เป็นร้านคาเฟ่น้ำแข็งไสสไตล์ญี่ปุ่นเล็กๆที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบน้ำแข็งไส นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปชิคๆเห็นวิวรอบๆของสยามสแวร์มาฝากเพื่อนๆกัน อยากรู้ล่ะสิว่าอยู่ส่วนไหนของสยามสแวร์ ตามไปดูกันเล้ยยย

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://diaryyifaiiz.blogspot.com/2018/07/maygori-maygoricafe-location-1.html

บทวิจารณ์
             สำหรับการรีวิว Maygori คากิโกริ (น้ำแข็งไสสไตล์เจแปน) เป็นการรีวิวที่อ่านไปน้ำลายไหลไป อ่านจบแล้วเราสามารถเดินทางตามไปทานได้ง่ายมากๆเพราะเพื่อนเขียนข้อมูลไว้ให้หมดแล้ว และรูปภาพที่ถ่ายก็ถ่ายได้น่ารักสุดๆทั้งอาหารแล้วคนทานก็ตามครุคริ ส่วนภาษาที่เพื่อนใช่เพื่อนใช้ภาษาที่อ่านง่ายอ่านสบายเขียนสะกดถูกต้องแต่อยากจะให้เพื่อนเพิ่มเมนูอาหารนิดนึงอยากให้ถ่ายมารีวิวเยอะๆอยากรู้เมนูอาหารของที่นั่นค่ะ

3.เกาะเกร็ด...อย่าเอ็ดเสียงดัง


                 สวัสดีค่าาาาา วันนี้เราจะมารีวิวสถานที่ที่เดินทางได้ง่าย สะดวก  ของกินอร่อย ราคาไม่แพง มีวิวถ่ายรูปสวยๆหลายมุม และเป็นสถานที่ที่มีมากกว่า1ที่ ก็คือมีวัดหลายแห่งที่เราสามารถไปทำบุญได้ด้วย มีของกินที่อร่อยๆตลอดเส้นทาง เอาเป็นว่าทุกคนไม่ต้องห่วงเลยว่าเดินไปวัดหลายทแห่งแล้วจะหิว และยังมีการทำเครื่องปั้นดินเผาให้ได้ชมอีกด้วย เราสามารถปั้นได้ด้วยตัวเองในราคาที่สบายกระเป๋ามาก พูดถึงเครื่องปั้นดินเผาทุกคนก็น่าจะรู้ละค่ะว่าที่นี่คือที่ไหนที่ที่ขึ้นชื่อด้วยเครื่องปั้นดินเผา ที่นี่ก็คือ......เกาะเกร็ดนั่นเองค่าาา ทริปนี้เราไปกับเพื่อนอีก4คนเมื่อ2เดือนที่แล้ว เรากับเพื่อนคิดกันว่าอยากไปสถานที่ที่มีของกิน ที่ถ่ายรูปสวยๆ แล้วก็อยากไปทำบุญด้วย และที่สำคัญคือเดินทางไม่ไกลจากบ้านพวกเรามากนักแล้วก็ราคาที่นักเรียนอย่างเราๆที่สามารถออกได้เองโดยไม่รบกวนพ่อแม่ และที่เกาะเกร็ดเป็นสถานที่ที่มีครบตามความต้องการของพวกเรา เราจึงตัดสินใจไปที่นั่น เรามาเริ่มการเดินทางไปกันเลยค่าาา
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://tanyajune2544.blogspot.com/2018/07/blog-post.html

บทวิจารณ์
                สำหรับการรีวิว เกาะเกร็ด...อย่าเอ็ดเสียงดัง ของเพื่อนนั้นทำให้อ่านแล้วน้ำลายไหลเป็นทาง ก็ต้องหามาม่ามาลองท้องไปก่อน เพื่อนบรรยายได้เห็นภาพมากๆทำให้จินตนาการไปถึงอาหารที่เพื่อนทาน ส่วนการเดินทางเพื่อก็อธิบายไว้ละเอียดดี ทำให้ไปตามได้สะดวก สำหรับภาษาเพื่อนใช้ภาษาได้อ่านง่ายดีแต่ติดที่สีตัวอักษรอาจจะแจ่มไปสักหน่อยเลยทำให้เวลาอ่านปวดตาเล็กน้อย



และที่เขียนไปทั้งหมดล้วนเป็นความเห็นส่วนตัวของเรานะคะ สำหรับใครที่อยากลองอ่านก็ลองเข้าไปอ่านกันเพราะแต่ละเรื่องสนุกทุกเรื่องเลยค่ะ
-ขอบคุณค่าาาา-